วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ล้างจานเพื่อ....

หลังจากที่เพื่อนเรายังไม่เกทเรื่องล้างจานเพื่อล้างจาน
ส่วนตัวเรา ก็ใช่ว่าจะเข้าใจร้อยเปอร์เซนต์
คล้ายๆกับพอเข้าใจทางทฤษฏี
แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติได้ร้อยเปอร์เซนต์
แต่จะขออธิบายว่าทำไมเราต้อง
"ล้างจานเพื่อล้างจาน"

จาก no rain on the moon


ล้างจานเพื่อให้สะอาด ต่างกับล้างจานเพื่อล้างจานตรงสติ
นั่นคือ ล้างจานเพื่อล้างจานนั้น เราทำความสะอาดจานให้สะอาดเหมือนกันนี่ล่ะ
แต่ต่างกันตรงที่ ล้างจานเพื่อล้างจาน เราจะมุ่งความสนใจร้อยเปอร์เซนต์ไปที่จาน
ส่วนล้างจานเพื่อให้สะอาดนั้น ระหว่างล้าง เราไม่จำเป็นต้องสนใจในจานร้อยเปอร์เซนต์
แต่เราจะทำยังไงก็ได้ ให้จานสะอาด

แล้วทำไมล้างจานเพื่อล้างจานถึงดีกว่าล้างจานเพื่อให้จานสะอาด

เมื่อมองผลลัพธ์ทางกายภาพแล้ว จานก็สะอาดเหมือนกัน
แต่ตัวผู้ล้างนั้นต่าง
ถ้าเราล้างจานเพื่อล้างจาน เราก็จะมีสติกำกับตลอดเวลา
เราก็จะไม่มีการลืมล้างหม้อที่วางไว้อีกที่นึงหรือหงุดหงิดขณะล้าง
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆ แต่ลองสังเกตดูว่าปัญหาเหล่านี้มันขยายไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ

จาก no rain on the moon


เพราะถ้าเราไม่มีสติควบคุมตัวเอง
-เราจะขี้หลงขี้ลืม
- ทำสิ่งต่างๆผิดพลาด
-ไม่มีความสุขขณะที่ทำ เพราะมัวแต่ไปคิดเรื่องอื่น แล้วนั่งคิดว่า เมื่อไหร่งานตรงหน้าจะเสร็จเสียที




ตัวอย่างนี้จะประยุกต์ได้ดีกับนักเรียน นักศึกษา
อย่างเวลาฉันอ่านหนังสือ ก็จะเปิดเพลง เปิดคอมไปด้วย
จิตใจที่อยู่กับหนังสือก็ไม่ร้อยเปอร์เซนต์
อ่านแล้วก็ไม่รู้เรื่อง บางทีกลับมาอ่านใหม่อีกทีก็จำไม่ได้ทั้งหมด
แต่ถ้าเราอ่านด้วยสติ คือ สติอยู่กับตัวหนังสือร้อยเปอร์เซนต์
เราก็จะสามารถเข้าใจบทเรียนได้ดีขึ้น
นอกจากนั้น การมีสมาธิ จะทำให้เราสมองแจ่มใส
แล้วเข้าใจในตัวบทเรียนได้ดีกว่าปกติ



ดังนั้นการล้างจานเพื่อล้างจาน ก็เหมือนการเจริญสติตลอดเวลา
เหมือนกับการนั่งสมาธิ หรือเดินจงกรม



นั่นก็คือ ตอนนั้นสติอยู่กับเราร้อยเปอร์เซนต์

ทำให้เราสามารถควบคุมตนเองได้ในทุกอิริยาบท
สังเกตว่า เวลาที่ปฏิบัติธรรม เขาจะให้เราเดินช้าๆ เพราะว่า เราจะต้องมีสติตลอดเวลา
เหมือนหัดเดินใหม่ ให้มีสติกับทุกก้าวที่เดิน

ลองดูในชีวิตประจำวันของเราสิ เรารีบจนไม่รู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่
บางทีเราจะไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อกลางวันเรากินอะไรไป
หรือวันนี้ได้ไปพบกับใครมา

เรื่องการมีสติ ก็เกี่ยวเนื่องกับเรื่องศีล
การที่เราทำศีลขาด ส่วนใหญ่เพราะเผลอทำสติหลุด
ถ้าเรารู้ตัวตลอดเวลา เราจะไม่เผลอหยิบอาหารกินหลังเที่ยง
ไม่เผลอโกหก ไม่เผลอพูดจาส่อเสียดไปตามอารมณ์สนุก
ไม่เผลอทำร้ายคนหรือสัตว์ตามอารมณ์โกรธ
การที่เราทำศีลขาด ก็มาจากการที่เราลืมตัวทั้งนั้น
ดังนั้นสติจึงเป็นตัวควบคุมศีลอย่างหนึ่ง

จะเห็นว่าการเจริญสติ หรือ มีสติอยู่กับตัวตลอดเวลาเป็นเรื่องดี
นอกจากนั้น มีงานวิจัยหลายชิ้นที่บ่งบอกว่า
การนั่งสมาธินั้นช่วยในด้านประสิทธิภาพการทำงานของสมองได้
(ลองไปหาอ่านในหนังสือของคุณหนูดีดูนะ)
ทำให้เราไม่หลงลืม ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

จริงๆแล้ว หากลองฝึกดู ก็จะเห็นผลด้วยตนเอง
มากกว่าที่จะเขียนข้อดีทั้งหมดลงไป
ให้ดูเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ



ส่วนตัวเราเอง ขออธิบายว่า ที่สนใจในธรรมะช่วงนี้เป็นพิเศษ
เพราะมีปัญหา จิตใจไม่สงบ
เนื่องมาจากการพยายามทำหลายๆอย่างในเวลาเดียวมากเกินไป
เพราะคิด "อยาก" ทำสิ่งนั้น เป็นสิ่งนี้
ความอยากนี้มันกัดเราอยู่
ทำให้เราเครียด จะเป็นโรคประสาทเอาได้
นั่งฟังเทศน์ท่านพุทธทาส ท่านบอกว่า
"ดูคนสิ กินยาแก้โรคประสาท กินกันทั้งโลกวันๆนึงไม่รู้กี่หมื่นกี่แสนเม็ด
แล้วดูแมว แมวมันเคยเป็นโรคประสาทปวดหัวเหมือนคนที่ไหน
เราเนี่ยต้องอายแมว แมวมันไม่เคยปวดหัวจนต้องกินยาสักเม็ดครึ่งเม็ด"
ตอนนี้เลยต้องฝึกสติมากๆ ไม่ใช่ว่าเราวิเศษอะไร แต่เพราะเรามีปัญหา แล้วก็เห็นมัน
พยายามมีความสุข และยิ้มให้กับปัจจุบันขณะได้

หวังว่าคงจะช่วยทำให้คำว่า ล้างจานเพื่อล้างจาน กระจ่างขึ้น

4 ความคิดเห็น:

nulee กล่าวว่า...

แม่ชีศันสนีย์เรียกการปฏิบัติเช่นนี้ว่า ลมหายใจแห่งสติ ค่ะ คือมีสติรับรู้ในทุกๆ ลมหายใจว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ หลายครั้งที่เราคิดว่ารู้ตัวแต่จริงๆ แล้วเราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรากำลังฟุ้ง เป็นการปฏิบัติที่ยากแต่กำลังฝึกอยู่เหมือนกันค่ะคุณนัท ^^

Unknown กล่าวว่า...

เป็นกำลังใจให้ค่ะคุณหนูลี
นัทก็สติหลุดบ่อย แต่ก็จะพยายามต่อไป
Fight!! :D

Dearchui กล่าวว่า...

อ้ออออ มันสอนเรื่องสติเองหรอกหรือ

เราไปใคร่ครวญในแง่ประมาณว่า ในการล้างจานให้สะอาด ใจเรามันจะไปอยากควบคุมไปบังคับมันให้เป็นอย่างที่เราคิด ก็เลยให้ล้างจานเพื่อล้างจาน ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น ถ้ามันไม่สะอาดก็ไม่เป็นไร อย่างไปควบคุมมันอะไรประมาณนั้น 555

แต่ตีความเรื่องสติดูเข้าทีกว่านะเราว่า 555

Unknown กล่าวว่า...

เพราะหนัีงสือเล่มนี้เขาสอนการเจริญสติในชีวิตประจำวันจ๊ะ ดังนั้นการล้างจานเพื่อล้างจาน เขาพูดเรื่องเจริญสติ อาจจะต้องอ่านหลายๆรอบหน่อย ถึงจะพอเข้าใจสิ่งที่จะสื่อน่ะ