วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กรุณาอย่าส่งเสียงดังในห้องสมุด

วันนี้เข้าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดประชาชน
มีสาวสองคนพูดกันจ๊อกแจ๊กที่ชั้นหนังสือภาษาอินโดนีเซีย
ฉันก็เดินผ่านไปไม่ได้สนใจอะไร
สักพักเธอสองคนมานั่งที่ห่างจากฉันไปสักสามเมตร
และยังคงคุยไม่หยุด
คิดเธอคงพยายามกระซิบกัน
ในระยะที่หูฉันยังได้ยิน
ฉันพยายามหันไปสบตาและยิ้มให้
เพื่อให้พวกเธอรู้ว่าแม้ห้องสมุดมันไม่ค่อยมีคน
แต่ก็มีคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนี้
และได้ยินที่พวกเธอพูดกันนะคะ
แต่ดูเหมือนเธอคนที่สบตากับฉันจะไม่เข้าใจภาษากาย
เอ้า... ไม่เป็นไร นิดๆหน่อยๆ
อีกอย่างพวกเธอพูดภาษาอินโด
ฉันฟังไม่รู้เรื่องหรอก

หลายครั้งบนรถเมล์
มีหลายคนนั่งคุยโทรศัพท์
บางทีฉันนั่งเครียดจากรถติดที่กรุงเทพอยู่แล้ว
นี่ยังต้องนั่งฟังคนพูดนินทาชาวบ้าน
เล่าปัญหาชีวิต คุยเรื่องงาน
ชีวิตช่างอนาถเหลือหลาย




ถึงจะบ่นไปนั่น
แต่จริงๆเมื่อก่อนฉันก็เคยนั่งคุยกับเพื่อนในห้องสมุด
และเม้าท์ทางโทรศัพท์กับเพื่อนบนรถเมล์ตอนรถติดเหมือนกัน
แล้วฉันก็คิด(ในตอนที่ทำว่า) นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้เสียงดังหรอกน่า
ฉันคิดว่า คนที่กำลังส่งเสียงอยู่ ก็คงคิดอย่างฉันในตอนนั้นเหมือนกัน
มันเลยทำให้ฉันมองเห็นตัวเองจากพวกเขา
และเข้าใจพวกเขาจากตัวเอง


เรื่องพวกนี้ขยายไปได้ถึงอารมณ์หลายๆอย่าง
พักหลังๆฉันชอบอ่านกระทู้ดราม่าเป็นพิเศษ
ดราม่านี้แปลว่าเหมือนกับนิยาย
แต่จริงๆฉันว่าเหมือนกับชีวิตจริงของเรานี่แหล่ะ
หลายคนโกหกและพยายามปกป้องตัวเองสุดชีวิต
หลายคนพยายามจับโกหกแล้วคาดคั้นเอากับคนอื่น
หลายคนโกรธที่คนอื่นมาว่าคนที่ตัวเองรัก
หลายคนสะใจที่คนอื่นตีกัน

อารมณ์เหล่านี้ฉันก็เป็นมาเป็นมาหมดแล้ว
พอมองเห็นสิ่งที่คนอืนแสดงออกมา
ก็เห็นภาพของตัวเองที่เคยทำอย่างนั้น
ฉันพยายามนึกย้อนว่าตอนที่ทำรู้สึกอย่างไร
แน่นอนว่าตอนที่เราทำตัวแย่แย่
เราจะสติขาดผึงแล้วเผลอทำอะไรโดยไม่รู้ตัว
อย่างเช่นตอนโกรธ ฉันจะใจสั่นตึ่กตึ่ก
มันจะรู้สึกหน้าร้อนวูบๆ
หรืออย่างตอนที่มีใครมากล่าวโทษฉัน
ฉันจะหน้าชาๆ แล้วเหตุผลร้อยแปดประการที่จะใช้แก้ตัวก็ผุดขึ้น
ซึ่งเหตุผลหลายๆอย่างที่เราใช้ตอนนั้น
มันดูจะไม่สมเหตุสมผลจนคนจับได้


เพราะฉันรู้ว่าเวลาพูดในห้องสมุด
แม้เสียงเบาขนาดไหนก็มีคนได้ยิน
เพราะฉันรู้ว่าเวลาคุยโทรศัพท์บนรถเมล์
คนที่อยู่บนรถคงจะรำคาญ
เพราะฉันรู้ว่าเวลาโกรธ โมโห ฉุนเฉียว
ฉันจะมีหน้าตา ท่าทาง กิริยาอย่างไร
ฉันจึงพยายามบอกตัวเองทุกครั้ง
ที่เลือดขึ้นหน้าหรือใจสั่น
ว่าถ้าทำตามอารมณ์
ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร


จริงๆ เราก็มีความไม่ดีในตัวเราเอง
แต่เรามักมองความไม่ดีของตัวเองไม่เห็น
แต่บางที ความไม่ดีของคนอื่น
ก็เป็นตัวบอกเราได้
หากเราจะสังเกตดีดี


จาก no rain on the moon

ไม่มีความคิดเห็น: