วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ครอบครัว

เราบอกกับเพื่อน
และเชื่อเองด้วยว่า
การแต่งงานอาจเป็นคนละเรื่องกับความรัก
จะมีคนโชคดีสักกี่คนที่ได้แต่งงานกับคนที่เรารัก
และรักเรา

เมื่อวานพี่ผู้หญิงเจ้าของร้านที่เราทำงานด้วย
เข้าร้านมาแล้วก็บอกว่า นัท วันนี้พี่อารมณ์ไม่ดีนะ
เราก็ค่ะๆ ได้แต่ยิ้มให้เฉยๆ ไม่ได้ถามอะไร
แล้วพี่เค้าก็บ่นว่าแฟนเค้าจะตัดกิ่งต้นไม้ที่เค้าปลูก
แล้วมีนกมาทำรังเต็มเลย
เค้าบอกว่า ถ้าตัดมีเลิกกัน
แล้วเค้าก็บ่นเม้งๆไปตามเรื่อง

พี่เค้าสองคนก็อยู่กันมาสิบสี่ิสิบห้าปีแล้ว
แต่รสนิยมหลายอย่างคนละเรื่องกันเลย
ตลกดีนะ ที่ก็อยู่ด้วยกันจนมีลูกเต้า
เราไม่ค่อยเข้าใจระบบความสัมพันธ์ของครอบครัวสักเท่าไหร่
เพราะโตมากับแม่สองคน
แม่ไม่ค่อยอยู่บ้าน เลยหนักไปทางอยู่กับตัวเองบ่อยๆ
ซึ่งก็ทนตัวเองไม่ค่อยได้บ้างในบางครั้ง
จนบางทีนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าครอบครัวเป็นไง
บางครั้งเวลาไปเชงเม้งกับญาติๆ
ตัวเองก็งงๆ เพราะไม่รู้สึกสนิทกัน
ก็จะมาช่วงหลังๆ ที่เริ่มสนิทกับพี่ชาย
แล้วก็พี่ที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง
แต่ก็ยัง งงๆ ในตัวเองอยู่บางหน
เหมือนกับเวลานั่งเก้าอี้ลมอ่ะ
ไม่ได้วางใจหรือสนิทใจร้อยเปอร์เซนต์

พี่บอกว่า ตาเราเศร้าลึกๆ
สงสัยจริง
จริงที่ว่าการเลี้ยงดูมีผลต่อทัศนคติลึกๆ
แต่ก็นะ เราก็ไม่ได้บ่นโทษอะไรใครหรอก
ก็แค่รับรู้ว่า อ้อ เราเป็นอย่างนี้

เราบอกกับเพื่อนว่า
เราจะรักใครก็ได้
แต่บางทีจะแต่งงานกับใคร
มันต้องใช้อะไรที่มากกว่าความรัก
ทั้งสังคม กรอบประเพณี ความเชื่อ
เพราะบางทีการที่เรามาอยู่ร่วมกัน
มันมีผลกระทบมากกว่าคนแค่สองคน

เราเห็นมาหลายครั้ง ที่บิลค่าน้ำค่าไฟค่าผ่อนรถดาว์นบ้าน
ลูกที่ร้องกระจองงองแง รถติด น้ำท่วม
พ่อไม่สบาย แม่ยายป่วย
มันทำให้การแต่งงานมีอะไรที่มาก(ๆๆๆ)ไปกว่าความรัก

บางทีเราก็กลัว การอยู่กับคนนะ
(ตรงข้ามกับผู้หญิงส่วนใหญ่สินะ ที่กลัวจะอยู่คนเดียว)
ก็ตลกดี XD




ไม่มีความคิดเห็น: