วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บางที

เมืออาทิตย์ที่แล้วเข้าห้องสมุดประชาชนของที่นี่
ก็เดินเข้าไปดูการ์ตูน แล้วก็เดินไปโซนหนังสือเด็ก
ตามปกติที่ชอบทำ
หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาดู
เป็นงานแนวrealistic คือวาดภาพเหมือนจริง
(ปกติหนังสือเด็ก ตัวอาร์ตจะมีหลายแนว)
แล้วทำให้นึกถึงผู้หญิงคนนึงในคลาสวาดภาพประกอบหนังสือเด็ก
เราอ่านเรื่องที่เราเขียน(กลอนอันนั้น)ให้เธอและเพื่อนที่นั่งข้างๆเธอฟัง
แล้วก็เอาดราฟท์ที่เราวาดภาพให้เธอดู
เธอบอกว่า ขอให้แมนูสคริปส์ผ่าน
ถ้าหนังสือถูกตีพิมพ์ เธอจะซื้อเก็บไว้
แล้วบอกกับคนอื่นว่ารู้จักกับคนเขียน
ตอนที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น
ตั้งแต่เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว
จนกระทั่งตอนนี้
รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
ที่เราไม่ได้ develop งานนั้นต่อ
เพราะเรายังรู้สึกว่าภาพประกอบมันยังใช้ไม่ได้
ก็คือยังไม่ถูกใจเราไปเสียทั้งหมด
รู้สึกว่าต้องศึกษาให้มากกว่านี้
เวลาเปิดหนังสือเด็กดูก็จะรู้ว่า
งานเรายังไม่ถึง
แต่ก็ยังค้นไม่เจอว่าอะไรทำให้มันยังขาด
ส่วนสาเหตุที่รู้สึกเสียใจเพราะ
เราไม่รู้ว่าตัวเราที่ทุ่มเทเพื่องานมันหายไปไหน
ทำไมตอนนี้เราถึงจิตตกและเศร้าได้ง่ายขนาดนี้

เมื่อวานโทรศัพท์หาแม่เพราะมีเรื่องนิดหน่อย
แม่ก็คุยเรื่องต่างๆให้กำลังใจเราเรื่องเรียน
เราดีใจนะที่แม่เปลี่ยนไปมาก
ไม่ห้ามสักคำเรื่องที่เราไปเรียนศิลปะ
แม่บอกว่าเชื่อในการตัดสินใจ
ทั้งๆที่เมื่อตอนม.ปลายแม่จะบ่นว่า
จะซื้อมาทำไมนักหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ
แต่เราก็พิสูจน์ว่าที่เราหัดมาทั้งหมด
มันไม่ใช่แค่ซื้อมาเปล่าๆ
มันมาเรามาไกลได้จริงๆ
แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกว่า
ความมุ่งมั่นแบบเดียวกับที่เราอ่านภาษาอังกฤษตอนนั้นหายไปไหน

วันนี้คุยกับพี่อ้วน(เจ้าของร้าน) ก่อนหน้านี้ก็เคยคุยกับพี่ธี
เราแค่บอกว่าเราชอบทำอะไรหลายๆอย่าง
พี่เค้าทั้งสองคนก็พูดเหมือนกัน(แต่คนละเวลา)
ว่าคนเราก็ควรจะทำสิ่งที่เป็นอาชีพให้เก่งที่สุด
แต่ถ้าเรารักของสองอย่างพร้อมๆกัน
เราจะทำไม่ได้หรือ
เรามานั่งคิดว่า
เราควรต้องรอเวลา หรือละทิ้งชีวิตส่วนตัวไป
เราไม่ได้อยากประสบความสำเร็จ
แต่เสียใจที่ไม่ได้ทำสิ่งที่คิดอยากทำ
พิมพ์มาตอนนี้ก็พอจะได้คำตอบเลาๆแล้ว
เหลือแต่ว่าจะตัดสินใจทำตามสิ่งที่ตัวเองตอบหรือเปล่า
บางทีคืนนี้หลับไป แล้วพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาอาจจะมีคำตอบ
บางทีนะ..

ไม่มีความคิดเห็น: